วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554


ความซื่อสัตย์

ในสังคมวันนี้ ความซื่อสัตย์ได้กลับกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อคนส่วนใหญ่ละเลย ด้วยจิตสำนึกผิดชอบที่คิดว่าเป็นเรื่องที่สามารถปฏิบัติได้โดยง่าย แต่ในความจริงแล้วความซื่อสัตย์เป็นเรื่องท้าทายใจอยู่ทุกขณะจิต เราต้องตัดสินใจที่ตอบรับหรือปฏิเสธว่าเราจะยังเดินอยู่ในกรอบแห่งความถูกต้องหรือไม่ ความซื่อสัตย์ที่แท้จริงยังเป็นเรื่องที่ต้องวัดได้ในขณะที่ยังไม่มีใครควบคุม ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครมาคอยบังคับอีกด้วย
ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่มาจากใจจริง
   :   ความซื่อสัตย์ในสังคมจัดเป็นปัญหาระดับชาติที่เริ่มตั้งแต่ตัวบุคคล สังคม และประเทศชาติ ภัยร้ายของความไม่ซื่อสัตย์ในสังคมมีมูลเหตุจากค่านิยมในการวัดความสำเร็จจากความมั่นคั่งแห่งอำนาจเงินและวัตถุ ก่อให้เกิดพฤติกรรมการดำเนินชีวิตในลักษณะกอบโกยฉ้อฉล คดโกง ใช้อิทธิพลขู่บังคับแลกกับความมั่งคั่งให้มากและรวดเร็วที่สุด
การดำเนินชีวิตที่ไม่ซื่อสัตย์
 จะกลายเป็นความน่าเศร้าในระยะต่อไป บุคคลเหล่านี้อาจจะไม่รู้ว่าตนเองได้ยึดความล้มเหลวที่ถูกปิดซ่อนมองไม่เห็นไว้ด้วยความหลงผิด เพราะแท้จริงแล้วมันคือ ความล้มเหลวที่เปรียบเสมือนระเบิดเวลาแห่งความหวาดกลัวที่เกรงว่าคนจะจับได้ เป็นเหมือนหนามเล็กๆที่คอยทิ่มแทงใจ
การตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์เป็นเรื่องของความจำเป็น
   :   ไม่มีใครปรารถนาอยู่ในสังคมที่ปราศจากความซื่อสัตย์เพราะจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวงและไม่มีความสุข เราต่างก็ปรารถนาความจริงใจจากกันและกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์จากครอบครัว ชุมชน หรือสังคม
หากเราเป็นผู้หนึ่งที่มีความมุ่งหมายในเป้าชีวิตสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
 เราต้องปฏิเสธการดำเนินชีวิตที่เห็นเพียงแต่ผลประโยชน์ระยะสั้นเฉกเช่นเดียวกับคนที่ดำเนินชีวิตคดโกงอื่นๆ ที่มีอยู่ในสังคม เราจำเป็นต้องยึดมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ และพัฒนาจิตสำนึกภายในให้มั่นคงโดยยึดหลักแห่งการตัดสินใจที่ละเลือกความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง
สาเหตุของความไม่ซื่อสัตย์ประเภทหนึ่ง
 คือ ความหลงอำนาจ เมื่อมีอำนาจเพิ่มมากขึ้น คนเราก็มักจะมีแนวโน้มที่จะใช้อำนาจในทางที่ผิดมากขึ้นด้วย คือ เมื่อมีอำนาจก็หลงตน คิดว่าประสบความสำเร็จและสามารถจะทำอะไรก็ได้ รากแห่งความไม่ซื่อสัตย์ในชีวิตอาจทำให้ผู้มีอำนาจหลงไปโดยการใช้อำนาจในทางที่ผิดได้ บางคนอาจถูกล่อลวงด้วยเงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง จนกระทั่งปฏิเสธความซื่อสัตย์ที่มีอยู่ในชีวิตอย่างสิ้นเชิง
ตระหนักว่าความซื่อสัตย์เป็นบ่อเกิดแห่งความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ
   :   เราควรยึดถือคติพจน์ไทยโบราณที่ค่อนข้างถูกปฏิเสธแล้วในสังคมปัจจุบันว่า "ซื่อกินไม่หมด คิดกินไม่นาน" คนทั่วไปอาจทึ่งในความสามารถ แต่เราควรให้คนประทับใจในลักษณะชีวิตความซื่อสัตย์ของเราด้วยในเส้นทางชีวิตที่ยาวไกล
ความซื่อสัตย์ต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย
   :   ความซื่อสัตย์ต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กๆ หากเราไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย เรื่องใหญ่เราก็จะไม่ซื่อสัตย์ด้วย ไม่ว่าจะกระทำการใดเราควรได้กระทำด้วยความรับผิดชอบตามกฎระเบียบ หากทำผิดก็ต้องรับผิด อย่าพลิกแพลงหรือแก้ตัว การแก้ตัวนั้นถือได้ว่า เป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง   ถึงแม้อาจจะฟังดีมีเหตุผล แต่ไม่มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและกลับยิ่งเป็นการลดคุณค่าตัวเองมากยิ่งขึ้น หากเราทำดีมาร้อยครั้งแต่เมื่อเราทำผิดและแก้ตัว บุคคลอื่นก็จะเริ่มสงสัยไม่ไว้วางใจเรา เริ่มไม่อยากมอบหมายความรับผิดชอบให้กับเรา ดังนั้น เราจึงควรยอมรับความจริงได้แม้เราผิดพลาดไป และดำเนินชีวิตด้วยความมั่นใจว่าความซื่อสัตย์ที่เราพากเพียรทำไว้นั้นจะสามารถปกป้องเราไว้ได้อย่างแน่นอน
ความซื่อสัตย์สามารถพัฒนาได้
   : ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องที่พัฒนาได้และเราควรมีแรงบันดาลใจอยากเป็นคนซื่อสัตย์ได้โดยตั้งคำถามว่า "เราอยากประสบความสำเร็จในระยะยาวหรือระยะสั้น" ความสำเร็จอย่างยั่งยืนริเริ่มได้ด้วยความตั้งใจจริงที่จะเอาชนะความฉ้อฉลที่พร้อมจะเกิดขึ้นในจิตใจของเรา
ทุกคนสามารถได้รับความสำเร็จที่ยั่งยืนในชีวิตจากความซื่อสัตย์นี้ได้
 หากดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวังพัฒนาและฝึกตนเอง เริ่มตั้งแต่ความคิด การกระทำและในทุกๆ การตัดสินใจต้องตั้งใจว่า จะไม่กระทำสิ่งใดเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่จะใช้มาตรฐานความซื่อสัตย์เป็นตัววัดจิตใจเพื่อเราจะทำทุกสิ่งได้ถูกต้อง การเช่นนี้จะส่งเสริมให้เราถูกต้องเสมอต้นเสมอปลาย การเช่นนี้จะส่งเสริมให้เราเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ร่วมงาน เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ อันจะส่งผลให้ชีวิตเรามีศักดิ์ศรีและได้รับการยกชูในทางที่ดีขึ้น 
ความซื่อสัตย์ของเราวันนี้คือดัชนีชี้วัดความสำเร็จที่ยั่งยืนในวันข้างหน้าของเราอย่างแท้จริง

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง (pointing devices)

 
อุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง (pointing devices)
        เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมการทำงานของตัวชี้ตำแหน่ง (pointer) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทำงานอยู่บนจอภาพคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ชี้ตำแหน่งใช้อุปกรณ์ ที่รับข้อมูลเข้าสู่ระบบ โดยอุปกรณ์ชี้ตำแหน่งที่นิยมใช้มีดังนี้
        เมาส์ (mouse)
                เมาส์ใช้สำหรับควบคุมตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพ โดยปกติแล้ว ตัวชี้ ตำแหน่งนี้จะมีลักษณะเป็นลูกศร อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนสัญลักษณ์ตัวชี้ตำแหน่งนี้ได้
                การทำงานของเมาส์จะติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านสายเคเบิ้ล แต่ปัจจุบันจะมีเมาส์ชนิดไร้สาย (wireless) ติดต่อกับคอมพิวเตอร์ โดยใช้แสงอินฟราเรดและคลื่นสัญญาณ และเมาส์บางชนิดจะมีแท่งชี้ควบคุม (trackpoint) อยู่บนตัวเมาส์


  
ลักษณะทั่วไปของเมาส์ ด้านล่างจะมีลูกกลิ้งกลม (ball) ซึ่งใช้สำหรับควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ โดยการเคลื่อนที่ของเมาส์ถูกแปลงไปเป็น สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ส่งให้คอมพิวเตอร์ และคอมพิวเตอร์จะใช้สัญญาณนี้ควบคุมการเคลื่อนที่ของตัวชี้ตำแหน่งบนจอภาพ
                ด้านบนของตัวเมาส์จะมีปุ่มกดหนึ่งปุ่มหรือมากกว่า แต่ที่นิยมใช้ในปัจจุบันจะเป็นแบบ 2 ปุ่ม และเมื่อต้องการใช้เมาส์ควบคุม ตัวชี้เมาส์บนจอภาพก็จะสั่งงานโดยการกดปุ่มบนเมาส์ เช่น การเลือกเมนูคำสั่ง และการย้ายข้อความ
                เมาส์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย ใช้เวลาฝึกการใช้งานเมาส์เพียงเล็กน้อยบางคนสามารถควบคุมเมาส์เพียงใช้ปลายนิ้วมือ ส่วนข้อเสียของเมาส์คือ จะต้องใช้พื้นราบว่างในการเคลื่อนที่เมาส์

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประวัติ

ชื่อ : นายเพ็ญเพชร
นามสกุล : เฉยศรีเพชร
ชื่อเล่น : B
เรียน : ม.4/1 โรงเรียนถาวรานุกูล
ที่อยู่ : บ้านเลขที่ 45/1 ม.8 ต.ตลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
เพศ : ชาย
E-mail : Penphet_@hotmail.com
สิ่งที่ชอบ : ไม่มีสิ่งที่ไม่ชอบมารบกวน
งานอดิเรก : อ่านหนักสือ ท่อง...... ใช้ชีวิตเรื่่อยเปลื่อย
เกมที่ชอบเล่น : Asura (เกมไทยทำเอง)